Updates

รามายณะ (พาลี กับ ราพณาสูร)

ในเรื่องรามายณะ มีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับตัวละครบางตัว นั่นคือ พาลี ซึ่งเป็นลูกของพระอินทร์ แต่ไม่ค่อยมีคนทราบว่าแท้ที่จริงแล้ว พาลีนั้นมีความเก่งกาจเพียงใด

AN01028851_001_lพาลี(Vali) เป็นกษัตริย์ปกครองเมืองขีดขิน (Kishkindha) มีน้องชายชื่อว่า สุครีพ (Sugriva) และมีชายาชื่อนางดารา(Tara) ในเรื่องรามเกียรติ์ได้กล่าวไว้ว่านางดารานั้น เป็นเทพอัปสรที่พระอิศวร(Shiva) ประธานให้กับสุครีพ แต่พาลีกลับครอบครองนางดาราไว้เอง

แต่ในเรื่องรามายณะนี้ ได้กล่าวไว้อีกแบบว่า นางดาราเป็นเทพอัปสรที่เกิดจากการกวนเกษียรสมุทรของเหล่าเทวดาและอสูรเมื่อครั้งบรรพกาล (The churning of the milky ocean) ซึ่งในครั้งนั้นเหล่าเทวดาไม่มีกำลังมากพอที่จะทำการกวนเกษียรสมุทรได้ จึงได้เชิญพาลีผู้เป็นราชาวานรที่มีกำลังมหาศาลมาช่วย ในคราวนั้นเองนางดาราได้ผุดขึ้นในขณะที่พาลีช่วยเหล่าเทวดากวนเกษียรสมุทรอยู่
การกวนเกษียรสมุทร  (The churning of the milky ocean)

เมื่อพาลีได้เห็นนางดาราอุบัติขึ้นมาจากทะเลน้ำนมนั้นแล้ว เกิดจิตปฏิพัทธ์ในความงดงามของนางดารา คิดอยากจะได้นางดาราเป็นภริยาตน จึงได้เหาะไปโอบเอานางดาราไว้ในอกตน

(ของวิเศษที่เกิดจากการกวนเกษียรสมุทร ปรากฏมีนางอัปสรอุบัติขึ้น รวมถึงพระเทวีลักษมี ที่ประทับบนดอกบัวซึ่งเป็นชายาของพระวิษณุ)

1เมื่อการกวนเกษียรสมุทรจบลง เหล่าเทวดาทั้งหลายจึงให้พรพาลีว่า “เมื่อใดที่ท่านต่อสู้ คู่ต่อสู้ของท่านจะถูกทอนกำลังลงครึ่งหนึ่งจากที่เขามี ด้วยอำนาจพรแห่งเราหมู่เทวดานี้” ต่อมาภายหลังนางดาราได้ให้กำเนิดบุตรชายแก่พาลีนามว่า องคต (Angada) นั่นเอง

ขอกล่าวย้อนไปในสมัยที่ ราพณาสูร(Ravana) หรือที่เรารู้จักกันดีในนาม “ทศกัณฐ์” ได้ออกท่องเที่ยวไปทั่วทุกสามภพ เพื่อประกาศความยิ่งใหญ่และอำนาจแห่งตน จนทั้งสามภพเกิดความเดือดร้อนวุ่นวายไปทั่ว

 

(ราพณาสูร)

เนื่องด้วย “ราพณาสูร” เป็นหลานของมหาฤาษีปุลสัตย์ (Pulastya) อันเป็นวงศ์แห่งพรหม ที่ทั้งสามโลกยำเกรง  จึงทำให้ราพณาสูร  ทะนงตนว่า ในสามภพนี้นั้นไม่มีใครที่จะสามารถทัดทานฝีมือตนได้ เมื่อมัน ต้องการสิ่งใด หากใครที่บังอาจขัดความต้องการของมันแล้ว ผู้นั้นย่อมมีอันเป็นไปravana_tenheads

แม้แต่เมื่อมันออกท่องอยู่กลางแจ้ง สุริยะเทพผู้เป็นใหญ่ ยังมิกล้าส่งความร้อนแผดเผาให้มันรู้สึกระหายเคือง จำต้องลดแสงแห่งตนลง และมิใช่เพียงสุริยะเทพเท่านั้น แม้แต่พระพรายเองยังต้องลดแรงลมให้พัดผ่านอย่างแผ่วเบาเพราะเกรงว่าจะระคายเคืองผิวราชาแห่งอสูร

วันหนึ่ง พาลีได้ออกท่องไปเพื่อทำการสวดมนต์สรรเสริญพระสุริยเทพ ได้พบกับฤาษีนารท (Narada) ถึงได้กล่าวนมัสการต่อพระฤาษี แล้วไตร่ถามว่า พระมหามุนีนารทว่า “เหตุใดท่านจึงอยู่ในอาการเร่งรีบเช่นนี้ ท่านจะรีบไปไหนกัน”  พระมหามุนีกล่าวตอบว่า “ราพณาสูร ได้กล่าวเชื้อเชิญเรา ไปงานเฉลิมฉลอง เนื่องด้วยราพณาสูรมีชัยเหนือองค์อัมรินทร์ จอมเทพแห่งสวรรค์แล้ว  พาลีจึงตอบกลับพระฤาษีไปว่า “อันราพณาสูร ชอบยกทัพไปกำราบ บุคคลอันที่ตนย่อมชนะ เสมอ เหตุใดไม่มาหาเราซึ่งเป็นผู้ที่พอจะต่อกรมันได้บ้างเล่า” พระมหามนีฤาษีนารท ยิ้มรับ พร้อมขันอาสาเป็นผู้ข้อความนี้ส่งไปถึงราชาแห่งอสูร

 

6797023(ฤาษีนารท)

เมื่อราพณาสูร ราชาแห่งรากษสทั้งปวงได้ยินเข้า ถึงกับควันออกหูเกรี้ยวกราดอาละวาด และกล่าวว่า “แค่ลิงตนเดียวจะสู้อะไรกับเราได้” พลันก้าวขึ้นบุษบกวิมานเหาะไปยังนครขีดขินทันที

เมื่อถึงนครขีดขินเมืองแห่งวานร จึงกล่าววาจาด้วยความเกรี้ยวกราด  ร้องเรียกพาลีให้ออกมาสู้รบ ซึ่งขณะนั้นพาลีมิได้อยู่ในนครขีดขิน หากแต่ไปประกอบพิธีสนธยาวันทนา ณ ริมฝั่งทะเลทั้งสี่ทิศ

นางดาราชายาแห่งราชาวานร จึงตอบกลับจอมอสูรไปว่า “เจ้าจงดูไปรอบๆตัวเจ้า นั่นคือ กองกระดูกผู้ที่มาท้าพาลีประลองกำลัง ถ้าท่านรอพาลีกลับมาไม่ได้ อยากรีบตายนัก ให้เหาะไปที่ทะเลใต้อันเป็นที่พาลีประกอบพิธีกรรมอยู่ เจ้าจะพบมันอยู่ที่นั่นและเจ้าจะได้ตายอย่างสมใจ” ราชาอสูรพลันขึ้นบุษบกวิมานเหาะไปยังทะเลใต้ จึงได้พบพาลีซึ่งขณะนั้นกายของพาลีต้องแสงแห่งดวงอาทิตย์เป็นสีทองนั่งประกอบพิธีกรรมอยู่ริมฝั่งทะเล ประหนึ่งเหมือนภูเขาสีทองตั้งตระหง่านอยู่ริมฝั่งทะเลนั้น

ราพณาสูร จึงลอบเข้าไปเบื้องหลังแห่งราชาวานร โดยประหนึ่งคิดว่า พาลีคงปราศจากการระมัดระวังตัว แต่โดยสัญชาติญาณแห่งป่า พาลีราชาวานร ได้ล่วงรู้ถึงการมาเยือนของรากษสอสูรเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ว่า มิอยากจะให้ยันต์พิธีที่ตนกำลังประกอบเสียไป จึงนั่งนิ่งสงบมิได้ใยดีต่อราชาอสูรผู้มาเยี่ยมเยือนแต่อย่างไร เพราะอีกไม่นานพิธีกรรมนี้ก็จะสิ้นสุดลง

vali_narada_ravana

(ราพณาสูร ลอบจับหางพาลี ในบางตำนานกล่าวว่าพาลีใช้หางจับราพณาสูร)

ราชาอสูร ครั้นเห็นพาลีมิได้ไหวติง จึงเกิดความย่ามใจ หมายจะโผเข้าจับพาลีไว้ให้มั่นมือ แต่เมื่อโผเข้าหาพาลีราชาวานรราชผู้ยิ่งใหญ่แล้ว กลับถูกพาลีจอมราชาแห่งหมู่วานร คว้าคอไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวแล้วจับราชาอสูรผู้ทะนงตนว่ายิ่งใหญ่เหนือผู้ใดนั้น หนีบไว้ที่ข้างลำตัว เหาะไปประกอบพิธีกรรมที่ริมฝั่งทะเลอีกสามแห่งที่เหลือจนเสร็จ ประหนึ่งเหมือนมิได้มีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อพาลีเหาะกลับไปยังนครขีดขิน จึงเกิดความเมื่อล้าจากการประกอบพิธีกรรม จึงแสร้งยกแขนที่พันธนาการจอมอสูรไว้ บิดกายไปมา พร้อมกับแสร้งทำตกใจว่าราชาอสูรนั้นหล่นออกมาจากข้างกายตนได้อย่างไร

บัดนี้จอมอสูรรู้แล้วว่า พระยาพาลีวานรราชนั้น มีความแข็งแกร่งเพียงใด จึงกล่าวต่อพระยาพาลีว่า “แม้ท่านจะหนีบเราไว้ที่ข้างกาย ท่านยังสามารถเหาะไปประกอบยันต์พิธีริมฝั่งทะเลในอีกทั้งสามทิศได้ เสมือนหนึ่งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น บัดนี้ข้าพเจ้าประจักษ์ในความแข็งแกร่งของท่านแล้ว ข้าพเจ้าจักขอให้ท่าน ร่วมสาบานเป็นสหายกับข้าพเจ้า ให้เป็นสหายกัน และจะไม่รุกรานกันตลอดไป” พาลีตอบตกลงและนำราชาอสูรนั้นเข้าพำนักอยู่ในเมืองขีดขินดั่งสหายของราชาวาร ถึงหนึ่งเดือนเต็ม ราชาอสูรจึงกล่าวลากลับสู่กรุงลงกา

จึงกล่าวได้ว่า พาลีเป็นเทพวานรที่มีความเก่งกล้ามาก ขนาดสามมารถจับราพณาสูรได้ด้วยเพียงมือเพียงข้างเดียว ซึ่งราพณาสูรนั้น เราทราบกันดีอยู่ว่าได้พ่ายแพ้แต่องค์ราม แห่งอโยธยา (Ayodhya) ในตอนท้ายสุด แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีผู้สามารถพิชิตราพณาสูรได้อีกคนซึ่งจะกล่าวถึงในตอนต่อไป

 

ขอบคุณรูปภาพจาก

britishmuseum.org/collectionimages/AN01028/AN01028851_001_l.jpg

roberthorvat30.files.wordpress.com/2013/09/1.jpg
upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/d/db/Sagar_Manthan.jpg

students.ou.edu/F/Shaun.M.Flewellen-1/ravana_tenheads.jpg

vedicgoddess.weebly.com/uploads/3/1/4/3/3143584/6797023.jpg 

4to40.com/images/katha/valiandravana/vali_narada_ravana.gif

แสดงความคิดเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s

%d bloggers like this: