ปัลกี (Palkhi) เทศกาลประจำปีของรัฐมหาราษฎร์
ปัลกี (Palkhi) เป็นชื่อเรียกในท้องถิ่น หมายถึง ขบวนแห่เกี้ยวเงินอันงดงาม ภายในเกี้ยวประดิษฐานรอยเท้าทำด้วยเงิน หรือ paduka ของ Tukaram และ Dnyaneshwar ซึ่งดำเนินการโดย พวก “warkaris” หมายถึง บุคคลที่ปฏิบัติตามแนวทางของ “wari” อันแสดงถึงวัฒนธรรมอันโดดเด่นของรัฐมหาราษฎร์ เทศกาลปัลกี (Palkhi Festival) นี้จัดขึ้นประจำทุกปีในเดือน Ashadh (มิุถุนายน-กรกฎาคม) และเดือน Karthik (เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม) ซึ่งใช้เวลาเฉลิมฉลองทั้งหมดรวม 22 วัน ที่พิเศษอย่างยิ่งคือ เทศกาลนี้มีขึ้นเฉพาะแต่ในรัฐมหาราษฎร์เท่านั้น และดำเนินต่อเนื่องยาวนานไม่ขาดตอนกว่า 1000 ปี

เกี้ยวเงินประดับประดาด้วยดอกไม้นานาชนิดสวยงามภายในประดิษฐานรอยเท้าเงินของ Tukaram และ Dnyaneshwar
ความเป็นมาของเทศกาลปัลกี เริ่มขึ้นในปี 1685 โดย Narayan baba ซึ่งเป็นบุตรชายคนสุดท้องของ Tukaram ตัดสินใจที่จะทำการเปลี่ยนแปลงธรรมเนียมประเพณีของชาว dindi-wari โดยการริเริ่ม ปัลกีขึ้น เป็นสัญญาณของการเคารพทางสังคม เขาได้นำรอยเท้าที่ทำด้วยเงิน (silver padukas) ของ Tukaram และรอยเท้าเงินของ Dnyaneshwar มาประดิษฐานไว้ในปัลกีร่วมกัน หรือที่เรียกว่า ประเพณีปัลกีคู่ (twin Palkhis) ประเพณีดังกล่าวนี้ดำเนินไปทุกปี แต่ในปี 1830 มีกรณีพิพาทภายในตระกูล Tukaram ทำให้มีการยกเลิกประเพณีปัลกีคู่ และจัดแยกเป็น 2 ปัลกี ได้แก่ Tukaram Palkhi จากหมู่บ้าน Dehu และ Dnyaneshwar Palkhi จากหมู่บ้าน Alandi
ความต่อเนื่องยาวนานตามกาลเวลาของประเพณีเก่าแก่นี้แผ่ขยายเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง จำนวนรวมของผู้ศรัทธาที่ดำเนินรอยตาม Sant Tukaram Palkhi จากหมู่บ้าน Dehu มีจำนวนถึง 1.5 แสนคน และผู้ศรัทธาที่ดำเนินรอยตาม Sant Dnyaneshwar Palkhi มีจำนวนถึง 2.25 แสนคน ปัลกีจากทั้งสองหมู่บ้านได้มาพบกันที่เมืองปูเณ่ และหยุดพักร่วมกันชั่วคราว และจากนั้นก็แยกจากกันที่ Hadapsar เพื่อไปพบกันอีกทีที่ Wakhri หมู่บ้านแห่งหนึ่งใกล้เมือง Pandharpur ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของขบวนพิธีนั้นเอง

ผู้ศรัทธานับแสนเดินเท้าไปตามถนน
ผู้แสวงบุญวาร์คาริสนับแสนที่มาร่วมชุมนุมกัน ส่วนใหญ่มาจากชุมชนชาวนาในชนบท วาริ (wari) เป็นสัญลักษณ์ของศรัทธาในพระเจ้าที่ไม่สั่นคลอน เนื่องมาจากการต้องเผชิญกับความทุกข์ยาก และความปรารถนาที่จะพ้นบาป แม้ว่าพวกเขาเหล่านี้จะมีชีวิตที่ยากจนขัดสน แต่เต็มตื้นไปด้วยจิตวิญญาณและศรัทธาอันยิ่งใหญ่ในพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งทำให้พวกเขาแข็งแกร่งและทนทานกับความยากลำบากในชีวิตได้ ดังนั้นผู้คนจำนวนมากในรัฐมหาราษฎร์ จึงพร้อมใจเดินทางมาร่วมกัน โดยการเดินเท้าไปยังเมืองศักดิ์สิทธิ์ ปัลดาปุระ (Pandharpur) การเดินทางอันยากลำบากในช่วงฤดูฝน อาจนับได้ว่าเป็นการทดสอบความทนทานของร่างกายและจิตใจที่มั่นคงในศาสนาของพวกเขา

พักแรมระหว่างทาง
ผู้ศรัทธาที่เข้าร่วมในพิธี ถ้าเป็นชายจะแต่งกายด้วยชุดขาว แต่หญิงใส่ชุดสาลีสีสันสวยงามแบกเครื่องสักการะหรือสัมภาระต่างๆไว้บนศีรษะ เดินเท้าไปตามทางถนนใหญ่ บ้างที่มากันเป็นกลุ่มมักมีธงสีแสดอันเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลนี้นำหน้าขบวน บ้างแบกหม้อทองเหลืองที่มีหน่ออ่อนของต้นไม้ Tulsi ร่วมในขบวนด้วย ผู้ร่วมขบวนต่างร้องเพลง เต้นรำ ท่องบทสวด ผสมผสานกับจังหวะดนตรี อันมีฉิ่งฉาบ และกลองเป็นหลัก แห่แหนไปตามถนนใหญ่ เป็นการสร้างสีสัน ความครึกครื้น และจุดสนใจได้เป็นอย่างดี ระหว่างทาง พวกเขาจะแวะพักเหนื่อย หรือทำอาหารกินเองชั่วคราวตามรายทาง และพักค้่างแรมที่วัด หรือพักแรมในที่ต่างๆ ระหว่างทาง ก่อนเดินทางต่อไปจนถึงจุดหมายปลายทางดังกล่าว

ผู้ร่วมขบวนพากันร้องเล่นเต้นรำระหว่างพัก
เทศกาลนี้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องทุกปี แสดงให้เห็นชัดถึง ความเด็ดเดี่ยวมั่นคงในทางจิตวิญญาณและในทางศาสนาของวาร์คาริส เราชาวต่างชาติก็อดออกมาดูและชื่นชมในศรัทธาของผู้แสวงบุญนับแสนที่เดินผ่านไปมาอย่างไม่ขาดสายไม่ได้

ผู้แสวงบุญชายแต่งกายในชุดขาวตามแบบรัฐมหาราษฎร์


ผู้แสวงบุญอาบน้ำในแม่น้ำ Chandrabhaga เมื่อมาถึง Pandharpur ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของขบวนพิธี
โดย poowiang
Photo courtesy:
https://www.maheshlonkar.com/palkhi_festival_story.html
https://121clicks.com/photo-stories/palkhi-festival-indian-photographer-mahesh-lonkar
แสดงความคิดเห็น